UPS จริงๆแบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน เขาเรียกว่า Off-line / Line Interactive / On-line
เนื่องจากไฟฟ้าบ้านเราที่เราเสียบปลั๊กกันนั้นมาแบบ AC (กระแสสลับ) ซึ่งจะมาเป็นคลื่น ที่ไม่ค่อยเสถียรภาพเท่าไร ถ้าเขียนบอกมามันก็จะเหมือนกับหุ้น ที่ขึ้นๆลงๆ ไม่ค่อยนิ่ง กับมันมีไฟอีกชนิดนึงที่เรียกว่า DC (กระแสตรง) ซึ่งเป็นเส้นตรง มีความเสถียรภาพสูง
1. Off-line UPS
- มี UPS ตั้งแต่ 500VA – 1000VA หลักการทำงานของมันก็ง่ายๆคือ ขณะที่ไฟติด กระแสไฟ AC จะวิ่งเข้า UPS ตรงไปที่อุปกรณ์ของเรา เช่น PC/Server ไม่มีการแปลงสัญญาณแต่อย่างใด มาแบบไหน เข้าแบบนั้น กรณีไฟดับ ก็ใช้ไฟจากแบตเตอรี่ แบบนี้หากเป็นอุปกรณ์ที่ความ Sensitive สูงก็ไม่แนะนำ เพราะจะทำให้อุปกรณ์เสียง่าย เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ได้รับไม่เสถียร
2. Line Interactive UPS
- มี UPS ตั้งแต่ 500VA – 3000VA หรือบางยี่ห้อก็ขนาดใหญ่ ระดับ 10,000VA มีหลักการทำงานก็คือ เมื่อกระแสไฟฟ้า AC จากไฟบ้านเข้ามา จะผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Voltage Regulator (VR) เพื่อปรับกระแส AC ที่เข้ามาแบบไม่เสถียรให้เป็น AC แบบเสถียร แต่ข้อเสียก็คือ หากไฟดับ ไฟกระชาก หรือ ไฟตก จะมีช่วงที่ wave ของไฟขาดหายไปนิดนึง 4-6ms typical ค่าตรงนี้เรียกว่า Transfer Time โดยที่อุปกรณ์ไม่ดับนะครับ แต่ว่ามันอาจจะส่งผลต่ออุปกรณ์ได้ เช่น เครื่องมือแพทย์ จะยอมรับ Error ตรงนี้ไม่ได้ ส่วน Server ข้อมูลที่ User submit มาในช่วงนั้นก็จะหายไป หรือ ส่งข้อมูลผิดพลาดไป นอกจากมี Battery Backup Cache เป็นต้น
3. On-line UPS
- มี UPS ตั้งแต่ 700VA ขึ้นไป หลักการทำงานของมันนั้นดีที่สุด คือ ไฟกระแสสลับจะถูกส่งเข้า Power Factor Correction เพื่อแปลง AC เป็น DC เพื่อให้มีความเสถียรภาพสูง หลังจากนั้นค่อยทำการส่งเข้า แบตเตอรี่ และ Inverter เพื่อแปลง DC กลับเป็น AC ที่เสถียรภาพสูง ดังนั้นจะแตกต่างจาก Line Interactive ที่แปลง AC ที่ไม่เสถียร to AC ที่เสถียร แต่จะเป็นการแปลง AC ไม่เสถียร to DC to AC ที่เสถียร ดังนั้นไม่ว่าจะไฟตก ไฟดับ ไฟกระชาก ก็จะไม่มี Transfer Time เพราะโดนควบคุมแปลง AC to DC แล้วนั้นเอง