กำลังนั่งทำงานอย่างตั้งใจ แต่ไฟเกิดดับหรือตกขึ้นมา คอมพิวเตอร์ก็เลยดับไปด้วย แถมงานที่เซฟครั้งล่าสุดก็ดันเป็นเมื่อชั่วโมงที่แล้วอีก! ลองคิดดูว่าถ้าเรามีออฟฟิศหรือกิจการ แต่ทุกอย่างต้องมาหยุดชะงักเพราะกระแสไฟฟ้าขัดข้อง แบบนี้คงไม่ดีต่อธุรกิจแน่ๆ เพราะฉะนั้นจะดีกว่าไหมหากเรามี UPS หรือเครื่องสำรองไฟฟ้าติดตั้งไว้สักเครื่อง เพื่อช่วยให้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้ายังทำงานต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งถ้าใครยังไม่รู้ว่า UPS คืออะไร? ดีจริงไหม? ต้องเลือกแบบไหน?
UPS คืออะไร มีแบบไหนบ้าง?
- UPS (Uninterruptible Power Supply) คือ เครื่องสำรองไฟฟ้าและปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ
- ช่วยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวอุปกรณ์ไฟฟ้าจากปัญหาไฟฟ้าที่ไม่ใช่แค่ไฟดับหรือไฟตกอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่ยังรวมไปถึงในกรณีไฟกระชากและไฟเกินที่อาจทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติได้อีกด้วย
- โดยทั่วไป UPS มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ Offline UPS, Online Protection UPS และ True Online UPS ชนิดที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้คือ Online Protection UPS เพราะ UPS ชนิดนี้มีระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ
- ช่วยป้องกันปัญหาทั้งไฟดับ ไฟเกินและไฟตก อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน แต่มีราคาที่ไม่สูง
แล้วจะเลือก UPS ยังไงดี?
ในการเลือก UPS นั้นต้องดูจากขนาดกำลังไฟฟ้าที่เราจะใช้ โดยขนาดของ UPS จะบอกด้วยหน่วย VA (โวลต์แอมแปร์) และ WATT (วัตต์)
- เช่น คอมพิวเตอร์โดยทั่วไปมีใช้กำลังไฟฟ้า 350 W การเลือกซื้อ UPS ก็ไม่ควรเลือกซื้อเครื่องที่มีขนาด 350W พอดีเป๊ะ เพราะขนาดของ UPS หมายถึงขีดจำกัดสูงสุดของกำลังไฟฟ้าที่รับได้ แต่กำลังไฟฟ้าจริงจะน้อยกว่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อจะเลือกขนาดของ UPS ก็ต้องเผื่อเพิ่มไปอีก แต่ในปัจจุบันก็มี UPS หลายรุ่นที่เคลมว่าสามารถจ่ายกำลังไฟฟ้าได้วัตต์เต็มกันแล้วล่ะ
การคำนวณขนาดของ UPS
ก่อนที่เราจะทำการคำนวณขนาดของ UPS เราต้องปฏิบัติดังนี้ค่ะ
- ลิสต์อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เราต้องการจะต่อพ่วงกับ UPS ทั้งหมด
- คำนวณค่า VA ของอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิด โดย VA = แรงดันไฟฟ้า(Volt) x กระแสไฟฟ้า(Amps) สามารถดูค่า Volt และ Amps ได้จากป้ายแสดงค่าพิกัดกำลัง (Nameplate) ที่อยู่บริเวณด้านหลังของอุปกรณ์ไฟฟ้า (หากอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดให้ค่า VA มาในรูปของพลังงานไฟฟ้าในหน่วยวัตต์ (Watt-W) ให้ทำการคำนวณค่า VA โดยการนำ Watt x 1.4 )
- รวมค่า VA ที่ได้จากการคำนวณในข้อ 2 ทั้งหมด
- เลือก UPS ที่มีกำลัง VA มากกว่า VA รวมของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะนำไปต่อพ่วงทั้งหมดที่คำนวณได้ในข้อ 3
หากเลือก UPS ที่มีกำลังจ่ายไฟฟ้าพอดีกับ VA รวมของอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องสำรองไฟจะสามารถจ่ายไฟฟ้าสำรองได้เพียง 5 นาที (โดยประมาณ) เท่านั้น การเลือก UPS ที่มีกำลัง VA มากกว่า VA รวมของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะนำไปต่อพ่วงจะช่วยให้ เครื่องสำรองไฟจ่ายไฟฟ้าสำรองได้นานขึ้น
UPS ใช้งานทั่วไปในบ้าน จะเลือกรุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี?
- สำหรับในบ้านทั่วๆ ไปที่มีคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ เราเตอร์ หรือออฟฟิศที่จะติดตั้ง UPS 1 เครื่อง ต่อคอมพิวเตอร์ไม่เกิน 2 เครื่อง ขนาดของ UPS ที่ใช้ควรอยู่ระหว่าง 600 – 1000 VA จ่ายกำลังไฟฟ้าได้วัตต์เต็ม มีระบบป้องกันการใช้งานเกินกำลัง ตัวเครื่องผลิตด้วยพลาสติกคุณภาพสูงปราศจากไฟดูด หรือไฟรั่ว 100% มีระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ สามารถรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ แม้ไฟตก ไฟเกิน พร้อมกับระบบชาร์จแบตเตอรี่ให้พร้อมใช้งานได้เร็วขึ้นกว่าปกติ หมดห่วงทุกครั้งที่ไฟฟ้าดับ เหมาะสำหรับใช้กับ คอมพิวเตอร์จำนวน 1 ชุด, เครื่องบันทึกเงินสด ณ จุดขาย (POS), Mac Mini , Mac book & iMac
UPS ใช้งานในร้านอาหารล่ะ รุ่นไหน ยี่ห้อไหนดี?
- ธุรกิจร้านอาหารไม่ควรจะปล่อยให้ธุรกิจชะงักเพราะไฟฟ้าขัดข้องเป็นเวลานาน เนื่องจากลูกค้าอาจจะหงุดหงิดได้หากต้องอะไรนานเกินไป ร้านอาหารจึงควรมีเครื่องสำรองไฟ หรือ UPS ติดไว้ โดยควรเลือก UPS ที่มีขนาดใหญ่กว่าที่ใช้ทั่วไปในบ้านเล็กน้อย กำลังการจ่ายไฟฟ้าควรอยู่ที่ประมาณ 1500VA/900WATT เพื่อที่จะสำรองไฟได้นานยิ่งขึ้น เพราะร้านอาหารจะมีเครื่องบันทึกเงินสดและเครื่องพิมพ์ใบเสร็จเพิ่มขึ้นจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ทั่วไปในบ้าน และ UPS รุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานในร้านอาหาร ช่วยให้คุณสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่สะดุดแม้ไฟฟ้าขัดข้องด้วยระยะสำรองไฟนาน 15 – 30 นาที (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์) ด้วยกำลังไฟฟ้า 2000 VA มีระบบป้องกันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชากและแรงดันสูงชั่วขณะ พร้อมปลั๊กไฟแบบยูนิเวอร์แซล เสียบได้ทั้งปลั้๊กหัวเหลี่ยมและหัวกลม ช่วยถนอมอุปกรณ์ไฟฟ้าที่นำมาต่อพ่วงได้อย่างดีเยี่ยม
UPS สำหรับออฟฟิศแบบ SME รุ่นไหนดี?
- สำหรับออฟฟิศแบบ SME แล้ว อุปกรณ์ไฟฟ้าที่นำมาต่อพ่วงพิเศษนอกเหนือจากการอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้งานทั่วไปก็คือเครื่อง server นั่นเอง เพราะบางบริษัทมีความจำเป็นจะต้องมี server เป็นของตัวเอง การเลือกใช้ UPS จึงต้องควรเลือกรุ่นที่สามารถรองรับการจ่ายไฟให้กับ server ได้ด้วย ซึ่ง UPS ที่มีกำลังจ่ายไฟฟ้าสำรองให้กับเครื่อง server ได้
UPS หรือ เครื่องสำรองไฟ แต่ละรุ่นก็มีความสามารถและราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งก็เป็นปกติที่ UPS ที่มีขนาดใหญ่กว่า สำรองไฟได้นานกว่า จะมีราคาสูงกว่า แต่ถึงอย่างนั้นถ้าเราลองคำนวณค่าเสียโอกาสที่จะเกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้าเกิดขัดข้องมาเปรียบเทียบกันดู ก็จะพบว่านี่ไม่ใช่เรื่องเสียเปล่าถ้าเราจะลงทุนกับการซื้อ UPS หรือ เครื่องสำรองไฟดีๆสักเครื่อง
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.officemate