ไฟตก คืออะไร?
ปกติแรงดันไฟฟ้า ที่จ่ายมาจากการไฟฟ้าให้ตามบ้านเรือน หรืออาคารโดยทั่วไปจะเป็น 220 โวลต์ (220V) โดยประมาณ ไม่ว่าจะเป็นของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ก็ตาม นี่คือแรงดันปกติ แต่ในกรณีที่เกิดไฟตก แรงดันไฟฟ้าที่จ่ายมาจะลดลงเหลือต่ำกว่า 220 โวลต์ เช่น อาจจะลดลงเหลือแค่ 170-200 โวลต์ ซึ่งก็จะทำให้การทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ปกติ เพราะอุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านี้ออกแบบมาให้ทำงานได้ที่ระดับแรงดัน 220 โวลต์ จะเห็นได้ชัดเจน คือ หลอดไฟ ซึ่งก็จะแสดงอาการออกมาให้เห็นได้อย่างเด่นชัด โดยแสดงอาการที่มีความสว่างน้อยลง หรือมีการกระพริบ ยิ่งถ้าเป็นมาก ๆ ก็จะกระพริบถี่ ๆ ทำให้ต้องปวดตา หรือมึนกันไปเลยทีเดียว หรืออุปกรณ์อย่างพัดลม ก็จะหมุนช้าลง ปั๊มน้ำ หรือแอร์ ก็อาจจะหยุดทำงานไปเลย
สาเหตุที่ไฟบ้านตกบ่อย เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ได้มาจากการไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว อาจจะมีสาเหตุการเกิดปัญหา ดังนี้
- จุดเชื่อมต่ออาจจะหลวม ในส่วนของสายไฟที่เชื่อมต่อเข้าสู่ระบบไฟฟ้าในบ้าน หรืออาคาร
- มีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อม ๆ กัน ทำให้กำลังไฟที่จ่ายมามีไม่เพียงพอ
- มีการเดินสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งาน ทำให้กระแสไฟไม่เพียงพอ
- มีสายไฟฟ้าภายในบ้าน หรืออาคารที่ชำรุด ทำให้เกิดการสูญเสียแรงดันไฟฟ้าอยู่ตลอด
- กรณีที่อยู่ต่างจังหวัด บ้านของเราอยู่ห่างจากสถานีจ่ายไฟฟ้ามากเกินไป มีการลากสายที่ยาว และไม่มีหม้อแปลงมาช่วยปรับค่าแรงดันไฟฟ้า
- ถ้าในละแวกบ้านเดียวกันมีปัญหาเหมือนกัน ก็อาจจะเกิดจากการใช้ไฟที่มากเกินไปในพื้นที่นั้น ๆ โดยไฟฟ้าจากสถานีไฟฟ้าต้นทางที่ส่งมาไม่เพียงพอกับความต้องการ
- อาจเป็นช่วงที่การไฟฟ้ามีการทดสอบระบบ หรือซ่อมแซมอุปกรณ์ ซึ่งอาจเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาไฟตกได้เช่นกัน
- เกิดจากฝนฟ้าคะนอง ทำให้กิ่งไม้หักไปพาดโดนกับสายส่งไฟฟ้า หรือมีสิ่งของ หรือยานพาหนะ ไปชนเสาไฟฟ้า ทำให้เกิดการช็อตขึ้น หรือบางครั้งอาจเกิดการไฟไหม้สายไฟฟ้าจนขาด
รู้ไหม? อันตรายของไฟตก ที่มากกว่าแค่ไฟดับ
เมื่อเกิดไฟตก เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะมีการจ่ายไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอ หากไฟตกจนเครื่องต้องหยุดทำงานฉับพลัน ก็จะทำให้วงจรไฟฟ้าภายในเครื่องใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ได้รับความเสียหาย ส่งผลให้เครื่องใช้นั้นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น อายุการใช้งานสั้นลง หรือถ้ารุนแรงไปกว่า ในกรณีที่เกิดไฟตกบ่อย ๆ บวกกับความขัดข้องของเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไปอีก อาจทำให้ไฟบ้านเกิดการลัดวงจร จนเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดไฟไหม้บ้านได้
- การที่ไฟตกเพียงครู่เดียวนั้น อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายมากอย่างที่คุณไม่คาดคิดเลย ทั้งเสี่ยงอันตราย สร้างความรำคาญใจ และยังเปลืองค่าใช้จ่ายในการดูแล ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าไปอีก
ดูแลไฟบ้านยังไง ให้ห่างไกลปัญหาไฟตก
การที่ไฟตกบ่อย ๆ ต้นเหตุอาจจะมาจากไฟบ้านที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดีพอ เพราะฉะนั้น คุณจึงควรดูแลและตรวจเช็กระบบไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพื่อให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย โดยปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้
-
ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟตก
อุปกรณ์ป้องกันไฟตก หรือที่เรียกว่า เครื่องรักษาแรงดันไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการปรับกระแสไฟฟ้าให้มีความคงที่ หากมีกระแสไฟฟ้าไหลเกินกว่าปกติ อุปกรณ์นี้จะทำการควบคุมและจ่ายไฟฟ้าไปตามที่ได้ตั้งค่าไว้ เพื่อไม่ทำให้เกิดการกระชากของกระแสไฟ หรือความเสียหายในรูปแบบอื่น เครื่องใช้ไฟฟ้าจึงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
อย่าใช้สายไฟชำรุด
หากพบว่ามีสายไฟในบ้านที่เกิดการชำรุด เนื่องจากหนูกัดสายไฟ หรือปลอกสายไฟเสื่อมสภาพเนื่องจากมีอายุการใช้งานนาน ควรหยุดใช้ไฟหรืองดเชื่อมต่อเครื่องใช้ในบ้านกับสายไฟเส้นนั้น ๆ ทันที แล้วแจ้งช่างผู้เชี่ยวชาญมาทำการเปลี่ยนสายไฟใหม่และเดินสายไฟในบ้านให้ใหม่จะดีกว่า
-
เลือกอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งาน
ลองสำรวจลักษณะการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคุณดู ว่ามีการเปิดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบ่อยหรือมากแค่ไหน หากมีสมาชิกทีอาศัยอยู่ในบ้านหลายคน ก็มีโอกาสที่จะใช้ไฟฟ้ามากกว่าบ้านที่มีสมาชิกเพียง 1-2 คน หากบ้านของคุณเป็น Home office ก็ยิ่งต้องใช้ไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเดิม เพราะฉะนั้น การสำรวจความต้องการในการใช้ไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ ก่อนที่จะติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อที่จะได้ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับจ่ายไฟฟ้าได้ตามความเหมาะสม
-
เลือกปลั๊กพ่วงที่ได้มาตรฐาน
หากต้องการใช้ปลั๊กพ่วง ควรเลือกซื้อปลั๊กไฟแบบพ่วงที่มีการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีฉลากที่ยืนยันคุณภาพระบุเอาไว้อย่างชัดเจน และมีระบบตัดไฟอัตโนมัติหากมีการใช้กระแสไฟเกินกว่าที่กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยเรื่องความปลอดภัยได้มาก
-
ตรวจสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเสมอ
บางครั้งสาเหตุของไฟตกก็มาจากความไม่สมบูรณ์ของตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าเอง ที่มีวงจรขัดข้องอยู่ภายในจนกระทบกับการเดินกระแสไฟฟ้าของบ้าน และส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้น คุณควรหมั่นตรวจสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านว่ายังทำงานได้เป็นปกติหรือไม่ หากพบว่ามีสิ่งใดผิดปกติไปจากเดิม ให้หยุดใช้งานแล้วนำเครื่องใช้นั้นส่งศูนย์ซ่อมทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาภายหลัง
ขอขอบคุณบทความดีๆจากเว็บไซต์ rabbitcare